วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

เคนต์ (Kent)

Kent เป็นเขตการปกครองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากลอนดอนประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ โดยรถไฟ ถือเป็นเขตนึงที่มีความเก่าแก่ของสหราชอาณาจักร นอกจากความเรียบง่าย สวยงามและกลิ่นอายของเมืองเก่าแล้ว ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสวนกล้วยไม้และดอกฮอพ ทำให้ Kent นั้นได้รับการขนานนามว่า “The Garden of England”
สถานที่เที่ยวใน Kent
Leeds Castle
Leeds Castle เป็นปราสาทที่มีความเก่าแก่ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1119 หรือกว่า 900 ปีที่แล้ว ถึงแม้ว่า Leeds Castle จะเป็นปราสาทที่มีขนาดไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับปราสาทอื่นๆ เช่น Windsor Castle หรือ Hampton court Palace แต่ด้วยความสวยงามของปราสาทที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาปและบรรยากาศโดยรอบ ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยป่า และดอกไม้ ทำให้ Leeds Castle ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้เดินทางมาชมได้ไม่ยาก

สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland)

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อทางการ


สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland)
ที่ตั้งตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปยุโรป มีหมู่เกาะรวมไปถึงหนึ่งในหกของเกาะในไอร์แลนด์ที่อยู่ระหว่างทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก และทะเลเหนือ ประเทศตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส
พื้นที่244,820 ตารางกิโลเมตร
อาณาเขต360 กิโลเมตร มีชายแดนติดกับประเทศไอร์แลนด์เพียงประเทศเดียว
สภาพภูมิประเทศส่วนมาเกเป็นเนินเขาที่ขรุขระ และเนินเขาเตี้ยๆ และมีที่ราบลูกฟูกในทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้
สภาพภูมิอากาศอากาศเย็นสบาย ได้รับความอบอุ่นจากลมที่พัดมาจากทางตะวันตกเฉียงใต้ เหนือกระแสน้ำแอตแลนติกเหนือ มีฝนตกตลอดปี สภาพอากาศจะไม่แน่นอน
ทรัพยากรธรรมชาติถ่านหิน ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ แร่เหล็กดิบ ตะกั่ว สังกะสี ทอง ดีบุก หินปูน เกลือ ดิน ดินสอพอง ยิปซั่ม โพแทช ทราย หินชนวน และผืนดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก
ภัยธรรมชาติมีลมพายุในหน้าหนาว และน้ำท่วม
จำนวนประชากร63,395,574 คน (ค่าประมาณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2556)
อัตราการเติบโตของประชากร0.553% (ค่าประมาณ พ.ศ.2555)
สัญชาติอังกฤษ (British)
เชื้อชาติชาวผิวขาว (ได้แก่ ชาวอังกฤษ 83.6% สก๊อตแลนด์ 8.6% เวลส์ 4.9% และไอร์แลนด์เหนือ 2.9%) รวมทั้งสิ้น 92% และชาวผิวดำ 2% อินเดียน 1.8% ปากีสถาน 1.3% ลูกครึ่ง 1.2% และอื่นๆ 1.6% (สัมมะโนประชากร พ.ศ.2544)
ศาสนาศาสนาคริสต์ 71.6% (นิกายแองลิแคน โรมันคาทอลิก เพรสไบเทอเรียน และเมโทดิส) 71.6% มุสลิม 2.7% ฮินดู 1% อื่นๆ 1.6% และระบุไม่ได้กับไม่มีศาสนา 23.1% (สัมมะ



อ้างอิง  http://www.apecthai.org/apec/th/profile1.php?continentid=1&country=uk
อังกฤษ เวลส์ และสก๊อตแลนด์แถบเกลิค












ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ

1. ภูมิประเทศและที่ตั้ง
ประเทศสหราชอาณาจักร (The United Kingdom) หรือที่รู้จักกันดีในนามของประเทศอังกฤษ เป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศสวยงาม และความเจริญทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ศูนย์รวมแหล่งวัฒนธรรม อุตสาหกรรม และการศึกษา เป็นดินแดนที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติต่างวัฒนธรรม พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย พื้นที่ของประเทศประกอบไปด้วย 2 เกาะขนาดใหญ่ คือ เกาะใหญ่ (The Great Britain) ซึ่งหมายถึงเกาะใหญ่ของอังกฤษ ที่รวมอาณาเขตของอังกฤษ (England) เวลส์ (Wales) และสก็อตแลนด์ (Scotland) ไว้ด้วยกัน และเกาะไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland) พื้นที่โดยรวมของประเทศประมาณ 240,000 ตารางกิโลเมตร โดยมีกรุงลอนดอน (London) เป็นเมืองหลวงของประเทศ2. สภาพภูมิอากาศ
ภูมิประเทศของเกรท บริเทน (Great Britain) เป็นประเทศที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงมาก จัดอยู่ในประเภทค่อนข้างหนาว มีความชื้นสูง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะ มีกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็นไหลผ่าน ทำให้เกิดหมอกหนาแน่นปกคลุมในบางครั้ง อากาศทางตอนเหนือจะสูงกว่าอากาศทางตอนใต้ และจะมีฝนตกทางภาคตะวันตกมากกว่าทางภาคตะวันออก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม ประมาณ 5 องศาเซลเซียสและสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ประมาณ 18 องศาเซลเซียส
3. ฤดูกาล มีทั้งหมด 4 ฤดู คือ
  • ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เดือนมีนาคม-พฤษภาคมอากาศจะเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก บางวันอากาศอบอุ่น มีแสงแดดจัดใน ตอนเช้า และเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เป็นหนาวเย็นหรือ ฝนตกในช่วงบ่าย
  • ฤดูร้อน (Summer) เดือนมิถุนายน-สิงหาคมอากาศ ส่วนใหญ่จะอบอุ่นและแสงแดดจัดจ้า
  • - ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เดือนกันยายน-พฤศจิกายน อากาศจะเย็นขึ้นเรื่อย ๆใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีสวยงามและร่วงหล่น
  • - ฤดูหนาว (Winter) เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์อากาศช่วงนี้ จะหนาวมากที่สุด มีหิมะตกในบางพื้นที่กลางคืนจะยาวกว่า กลางวันและมืดเร็วกว่าปกติ
4. เวลา
ประเทศอังกฤษมีเวลาช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 6 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ปลายเดือนตุลาคม และช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ปลายเดือนมีนาคม
5. ไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ คือ ระบบ 240 V. AC 50 Hz เหมือนในประเทศไทย แต่จะใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา ซึ่งต่างจากบ้านเรา หากต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปด้วย ควรจะเตรียมปลั๊กไฟฟ้า 3 ขา ดังในรูปภาพไปด้วย โดยแนะนำให้นำปลั๊กสามตาไปด้วยเพื่อต่อพ่วงเพื่อที่จะสามารถใช้ชารจ์ไฟฟ้าได้หลายอย่างในครั้งเดียวกัน
6.น้ำประปา
การประปาของสหราชอาชอาณาจักรมีระบบการทำน้ำประปาที่สะอาดมาก ซึ่งเราสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำตามบ้านหรือสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านการกรองได้ โดยนักเรียนสามารถดื่มได้เฉพาะน้ำเย็นเท่านั้น ส่วนน้ำร้อนนั้นไม่ควรดื่ม เพราะมีการเติมสารเคมี7. ระบบเงินตรา
สหราชอาณาจักรใช้สกุลเงิน ปอนด์(Pound) เป็นหน่วยเงินประจำประเทศ สกุลเงินแบ่งออกเป็นธนบัตรทั้งหมด 4 ชนิด คือ ธนบัตรใบละ 5,10, 20 และ 50 ส่วนเหรียญแบ่งออกเป็น 8 ชนิด คือ 2 และ 1 ปอนด์ และ 50, 20, 10, 5, 2 และ 1 เพนนี นักเรียนสามารถแลกเงินได้ที่ธนาคารทั่วไปหรือสถานที่รับแลกเงินที่เรียกว่า bureau de change เช่น THOMAS COOK, American Express, Chequepointและ Exchange International นอกจากนั้นในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เช่น แฮร์รอดส์ หรือมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ จะมีเคาน์เตอร์แลกเงินด้วย โดยควรสอบถามอัตราแลกเงินจากธนาคารต่างๆ เพื่อให้ได้อัตราที่ดีที่สุด เวลาทำการของธนาคารคือ ตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.30 – 15.30 น. มีบางแห่งที่ปิดเวลา 17.00 น. เช่น บางสาขาของธนาคาร Bank of Scotland และบางแห่งเปิดทำการในวันเสาร์ด้วยตั้งแต่เวลา 9.30 – 12.00 น. คือ Nat West
8. การติดต่อสื่อสาร
ที่ทำการไปรษณีย์ เวลาทำการมักเปิดตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 – 17.30 น. และในวันเสาร์ เวลา 9.00 – 12.00 น. แต่ที่ทำการที่ Trafalgar Square เลขที่ 24 William IV Street, WC2 ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของ Trafalgar Square เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 8.00 – 20.00น. ที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ สามารถหาซื้อแสตมป์สะสมที่จัดทำขึ้นตามเทศกาลต่างๆ เช่น ช่วงคริสต์มาสได้
แสตมป์ทั่วไปสามารถหาซื้อได้ตามที่ทำการไปรษณีย์และร้านขายหนังสือพิมพ์ จดหมายในประเทศติดแสตมป์ 32 เพนซ์จะส่งถึงวันรุ่งขึ้น ถ้าต้องการส่งกลับมาประเทศไทย 67 เพนซ์สำหรับจดหมาย (ราคาต่ำสุด)
ราคาและรายละเอียดอื่น ๆ สามารถหาได้จาก http://www.royalmail.com/portal/rm
ตู้ไปรษณีย์สีแดงแบบเก่ามีตั้งอยู่ริมถนนทั่วไป ส่วนตู้แบบใหม่สีแดงเหมือนกันแต่ขนาดเล็กกว่าจะอยู่กับผนังตึก
โทรศัพท์
  • อัตราค่าโทรศัพท์ขึ้นอยู่กับระยะทางและระยะเวลาที่ใช้ การโทรศัพท์ออกนอกประเทศ ช่วงระยะเวลาที่ ประหยัดคือตั้งแต่เวลา 18.00 - 08.00 น. สอบถามค่าบริการอีกครั้งด้วยการหมุนไปที่หมายเลข 155 หากโทรศัพท์โดยผ่านโอเปอเรเตอร์ต้องเสียค่าบริการมากกว่าโทรโดยตรง
  • หากจะโทรศัพท์มาประเทศไทยด้วยโทรศัพท์สาธารณะต้องหมุน : 00+66+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ เช่น โทรมาที่กรุงเทพฯ หมายเลข 02-2612500 ต้องหมุน 00-66-2-2612500 เป็นต้น
  • เบอร์โทรศัพท์ที่ผ่านโอเปอเรเตอร์ไทยเพื่อเรียกเก็บเงินปลายทางคือ 0800 89 0066 สำหรับผู้ที่ มีความประสงค์จะโทรศัพท์จากประเทศไทยไปลอนดอน สามารถทำได้โดยกดรหัส 001 44 20 หรือ 001 44 181
โทรศัพท์มือถือ
  • ในปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือเป็นที่นิยมเนื่องจากสามารถพกพาได้สะดวก นักเรียนนำโทรศัพท์จากเมืองไทยไปใช้ประเทศอังกฤษได้ (ยกเว้นโทรศัพท์ในระบบ CDMA)
  • หลายเครือข่ายโทรศัพท์มีให้เลือกใช้ ทั้งผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Vodafone, Orange และผู้ให้บริการระหว่างประเทศในราคาประหยัด เช่น Lebara
  • ซิมการ์ดสามารถหาซื้อได้ที่สนามบินหรือร้านโทรศัพท์มือถือทั่วไป
  • การเติมเงิน สามารถซื้อบัตรเติมเงินได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป
อ้างอิง  http://www.visionuk.net/about_england.php

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศอังกฤษ

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศอังกฤษ

Buckingham Palace
พระราชวังบั๊กกิ้งแฮม เป็นที่ประทับของพระราชินีของอังกฤษ และเป็นศูนย์กลางของราชวงศ์มาตั้งแต่ปี 1837 ... ในแต่ละวันจึงมีผู้คนไปอยู่รอบๆพระราชวังอย่างมากมาย ด้วยหวังว่า หากโชคดีอาจจะได้เห็นพระราชินีและหมู่ราชวงศ์

Houses of Parliament
สภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษ รู้จักกันในชื่อ Palace of Westminster เป็นสถานที่ที่การตัดสินใจที่สำคัญๆทางการเมืองของประเทศเกิดขึ้นที่นี่
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (House of Commons) และสมาชิกของสภาสูง (House of Lords) ที่ได้รับการแต่งตั้ง ... ผู้คนมักจะมาที่นี่เพื่อชมหอนาฬิกาอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของลอนดอน นั่นคือหอนาฬิกา Big Ben


Tower of London
หอคอยแห่งลอนดอนอายุกว่า 900 ปีแห่งนี้ เป็นมากกว่าหอคอยธรรมดาๆ ... ที่นี่ เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 18 เอเคอร์ ... ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่นี่เคยเป็นพระราชวัง สถานที่คุมขัง โรงกษาปณ์ และแม้แต่เป็นสวนสัตว์
หอคอยแห่งลอนดอน เป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าของอังกฤษ เช่น มงกุฏที่ประดับด้วยเพชรพลอยมูลค่ามหาศาล .. ที่ดูแปลกๆก็คือมีฝูงกาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ..
มีทหารในชุดแต่งกายสมัยโบราณแบบ Yeoman Warders ดั้งเดิม ที่บ้างเรียกกันว่า Beefeaters คอยดูแลรักษาความปลอดภัย

Tower Bridge
ใกล้ๆกับหอคอยแห่งลอนดอน เป็นที่ตั้งของ Tower Bridge สะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ที่โด่งดัง
สะพานแห่งนี้เปิดใช้งานในปี 1894 มีลักษณะเป็นสะพานแขวนผสมกับสะพานที่สามารถเปิดตรงกลางสะพานได้ ยามเมื่อต้องการให้เรือสูงๆแล่นผ่านไป-มา


London Eye
คงไม่มีวิธีใดที่จะเฝ้ามองกรุงลอนดอนในมุมสูงได้ดีไปกว่า การมองจากชิงช้าขนาดยักษ์สูงถึง 135 เมตรซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์
London Eye เปิดให้ผู้คนเข้าไปใช้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1999 เพื่อเฉลิมฉลองและต้อนรับสหัสวรรษใหม่ หรือ the new millennium ... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ที่นี่ได้กลายเป็นหมุดหมายที่สำคัญแห่งใหม่ของกรุงลอนดอน ในปัจจุบัน London Eye เป็นชิงช้าที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก



ที่มา  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=815743

สหราชอาณาจักร (United Kingdom, UK)

สหราชอาณาจักร (United Kingdom, UK) 
มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า The United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland เป็นเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป
สหราชอาณาจักรอาจจะไม่คุ้นหูสำหรับคนไทยมากนัก หรือบางคนก็เข้าใจว่าคือประเทศอังกฤษ แต่จริงๆ แล้วสหราชอาณาจักรนั้นประกอบไปด้วย 4 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ (England), ไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland), สกอตแลนด์ (Scotland) และเวลส์ (Wales) ซึ่งแต่ละประเทศมีการปกครองเป็นของตัวเอง
อังกฤษ (England) เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีประชากรมากที่สุดในสหราชอาณาจักร และก็เป็นประเทศที่คนไทยรู้จักมากที่สุดอีกด้วย อังกฤษมีเมืองหลวงชื่อกรุงลอนดอน (London) ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงินของยุโรป และเป็นเมืองหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามามากที่สุด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยรวมอยู่ด้วย นอกจากมหานครที่ไม่เคยหลับไหลอย่างลอนดอนแล้ว อังกฤษยังมีเมืองอื่นๆ อีกหลายเมืองที่เป็นน่าไปสัมผัส ซึ่งให้ความรู้สึกของความเป็นเมืองเก่า ไม่วุ่นวาย และมีความเป็นธรรมชาติสูง แตกต่างเมืองใหญ่อย่างลอนดอนโดยสิ้นเชิง
นอกจากชื่อเสียงด้านท่องเที่ยวแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนไทยรู้จักอังกฤษเป็นอย่างดีคงหนีไม่พ้นฟุตบอล นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเพื่อสัมผัสกับสนามบอล หรือชมการแข่งขันฟุตบอลของทีมโปรดซักครั้งในชีวิตก็พอใจแล้ว
ไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland) ไอร์แลนด์เหนือนั้นมีเมืองหลวงชื่อเบลฟาสต์ (Belfast) เป็นประเทศเดียวที่อยู่คนละเกาะกับประเทศอื่นในสหราชอาณาจักร และเป็นประเทศเดียวที่มีอาณาเขตติดกับประเทศอื่นที่อยู่นอกเหนือสหราชอาณาจักร โดยมีอาณาเขตติดกับประเทศไอร์แลนด์
ไอร์แลนด์เหนืออาจจะไม่ได้มีสิ่งก่อสร้างหรือสถานที่ที่มีสื่องเสียงระดับโลกเหมือนหลายๆ ประเทศในยุโรป แต่ว่าไอร์แลนด์เหนือนั้นมีความสวยงามของธรรมชาติและความเรียบง่ายของผู้คน ทำให้ไอร์แลนด์เหนือนั้นมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง และเป็นประเทศหนึ่งที่น่าลองมาสัมผัสหากมีโอกาสได้มาเยือนสหราชอาณาจักร
สกอตแลนด์ (Scotland) เป็นประเทศที่ประเทศที่อยู่ทางเหนือสุดของเครือสหราชอาณาจักร มีเมืองหลวงชื่อเอดินบะระ (Edinburgh) ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามเหมือนในเทพนิยาย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากจุดเด่นของเมือง ซึ่งก็คือคือปราสาทเอดินบะระ (Edinburgh Castle) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงกลางเมือง
สกอตแลนด์เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในสหราชอาณาจักร แต่ส่วนใหญ่ประชากรจะอาศัยกันอย่างหนาแน่นทางตอนใต้และตอนกลางเท่านั้น เนื่องจากทางซีกเหนือมีอากาศหนาวเย็น ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้เรียกว่า Highlands ถึงแม้ว่าจะมีคนอาศัยอยู่ไม่มากนัก แต่ Highlands จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของสกอตแลนด์ เนื่องจากยังคงความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์และสวยงามเอาไว้ได้ รวมถึงลักษณะการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมของผู้คนที่อาศัยอยู่เขต Highlands
นอกจากนี้สกอตแลนด์ยังเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านอื่นๆ อีกหลายด้าน เช่น วิสกี้ และปี่สกอต (Bagpipe)  แต่จริงๆ แล้วสกอตแลนด์นั้นเป็นต้นกำเนิดของกีฬาที่มีได้รับความนิยมอย่างฟุตบอลและกอล์ฟ
เวลส์ (Wales) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอังกฤษ มีเมืองหลวงชื่อคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff) ลักษณะบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างของเวลส์จะมีความคล้ายคลึงกับอังกฤษมาก แต่ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เนื่องจากเวลส์มีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขา
ที่มา http://www.sasommile.com/destinations/united-kingdom/

สหราชอาณาจักรกับอังกฤษ ต่างกันอย่างไร


สหราชอาณาจักรกับอังกฤษ ต่างกันอย่างไร
ประเทศอังกฤษที่ชาวไทยรู้จัก มีชื่อเต็มว่า United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland แปลเป็นภาษาไทยว่า
"สหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่ และไอร์แลนด์เหนือ" เรียกสั้นๆ ว่า United Kingdom หรือ UK แปลเป็นภาษาไทยว่า สหราชอาณาจักร
สหราชอาณาจักรประกอบด้วยดินแดน 4 ส่วนหรือแคว้น
- 3 ส่วนอยู่บนเกาะอังกฤษ คือ แคว้นอังกฤษหรืออิงแลนด์ แคว้นสกอตแลนด์
และแคว้นเวลส์
- 1 ส่วนอยู่บนเกาะไอร์แลนด์ คือ แคว้นไอร์แลนด์เหนือ
เหตุผลที่ผู้คนทั่วโลกเมื่อพูดถึงสหราชอาณาจักร มักจะใช้แต่คำว่าอังกฤษหรืออิงแลนด์
ผู้รู้ส่วนใหญ่อธิบายว่า.. อาจเป็นเพราะเหตุผลทางประวัติศาสตร์ คือ แคว้นอังกฤษ เป็นแคว้นใหญ่ที่สุด และมีอิทธิพลครอบงำแคว้นอื่นๆ ในสหราชอาณาจักร มาเป็นเวลานาน เมื่อครั้งที่สหราชอาณาจักรเป็นเจ้าอาณานิคมทั่วโลก ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ และบรรดาพ่อค้า ก็มักจะเป็นคนจากแคว้นอังกฤษมากกว่าคนจากแคว้นอื่นๆ จึงเป็นไปได้ว่าเมื่อมีคนถามว่า.."มาจากไหน"   ก็จะได้ยินคำตอบว่า.."มาจากอิงแลนด์หรืออังกฤษ"
คำว่า "อังกฤษ" จึงอาจกลายเป็นคำนามที่ใช้เรียกแทนสหราชอาณาจักร  นอกจากนี้สถานฑูตอังกฤษทั่วโลกจะใช้คำว่า British Embassy ไม่ได้ใช้คำว่า   UK Embassy เรื่องนี้ผู้รู้บอกว่า British เป็นคำคุณศัพท์ของ Britain ซึ่งเป็น  อีกคำหนึ่งที่ แปลว่า อังกฤษ เหมือนกัน ฉะนั้นการที่สถานฑูตอังกฤษจะใช้ว่า British Embassy จึงไม่น่าจะผิดอะไร       สำหรับคนต่างชาติ เวลาได้ยินหรือได้เห็นคำว่า Britain    หรือตัวย่อ GB เช่น จากกีฬาโอลิมปิก
โดยทั่วไปก็ตีความไปได้ทันทีว่า หมายถึง สหราชอาณาจักรทั้งประเทศ ซึ่งรวมถึงไอร์แลนด์เหนือด้วย
ที่มา  http://www.lib.ru.ac.th/miscell/bt_and_uk.html

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เบเฮโมท (Behemot)

                                                                   เบเฮโมท (Behemot)
หนึ่งใน 3 ปีศาจดึกดำบรรพ์ในคัมภีร์ไบเบิ้ล
อสูรร้ายดึกดำบรรพ์ จ้าวแห่งผืนปฐพีเช่นเดียวกับ เลวีอาธานจ้าวแห่งผืนน้ำ และ ซิซจ้าวแห่งผืนนภา ชื่อเบเฮโมทมาจากภาษาฮีบรู Behemot มีความหมายหมายถึงอสูรกาย สัตว์ขนาดใหญ่ยักษ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลกคำดังกล่าวยังถูกใช้เปรียบเทียบกับสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้ด้วยและแน่นอน เบเฮโมทเป็นอสูรกายโบราณที่ถูกกล่าวถึงในพระคัมภีร์บทหนังสือของโยบเช่นเดียวกัน

ตามความเชื่อของชาวยิวโบราณ เบเฮโมทเป็นอสูรกายดึกดำบรรพ์แห่งผืนภพ ขณะที่เลวีอาธานเป็นอสูรกายดึกดำบรรพ์แห่งผืนนที และซิซครอบครองผืนนภา มีตำนานกล่าวว่า เลวีอาธาน กับ เบเฮโมทจะต่อสู้ทำศึกกันในวาระสุดท้ายของโลก โดย เบเฮโมท คือ วัว และ เลวีอาธาน คือปลา ทั้งคู่จะเข้าห้ำหั้นกันโดยกำลังของเบเฮโมทอยู่ในเขาอันทรงพลัง ขณะที่เลวีอาธานอยู่ในครีบ และสุดท้ายทั้งคู่จะฆ่ากันและกันส่วนมนุษย์ที่เหลือรอดจะจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่จากเนื้อจำนวนมหาศาลของมันขณะที่แหล่งข้อมูลอื่นว่า พระผู้สร้างจะเสด็จลงมาพร้อมด้วยดาบอันทรงฤทธานุภาพและสังหารมันทั้งคู่ลงเสีย เช่นเดียวกับเลวีอาธาน ที่นักวิชาการพระคัมภีร์จะพยายามตั้งสมมุติฐานถึงเบเฮโมทในฐานะสิ่งมีชีวิต สัตว์ปกติอย่างหนึ่งในโลกซึ่งสัตว์โลกที่ถูกตั้งข้อสมมุติฐานว่าอาจเป็นที่มาของเบเฮโมทก็ได้นั้น ได้แก่ ควายน้ำ แรด วัว และ ช้างแต่ที่เชื่อและได้รับการยอมรับกันมากที่สุดคือ ฮิปโปโปเตมัส  เพราะในพระคัมภีร์บทหนังสือของอิศยาห์เองก็มีการแปลความตัว ฮิปโปโปเตมัส เป็น  Bahamat Negeb หรือ “อสูรแห่งทิศใต้”

แต่กระนั้นก็ดี นักวิชาการบางส่วนก็ยังไม่เชื่อในข้อสันนิษฐานนั้น โดยยกประเด็นเรื่องหางมาเป็นข้อโต้แย้งจากบทบรรยายที่พูดถึงหางที่แกว่งไกวไปมาเหมือนไม้สนซีดาร์ในพระคัมภีร์ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะสื่อถึงช้างเสียมากกว่า

ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่มีความเห็นแตกต่างกัน เชื่อว่าเบเฮโมทน่าจะเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์เยี่ยงไดโนเสาร์เสียมากกว่าโดยเฉพาะไดโนเสาร์ในตระกูล ซอร์รอพอด ที่มีลักษณะหลายอย่างตรงตามบทบรรยายของโยบ เช่น เรื่องของขนาดอันใหญ่โตกระดูกเหมือนท่อนเหล็ก ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และหางที่แกว่งเหมือนไม้สนซีดาร์  แต่กระนั้นก็ดี ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่สอดคล้องหลายประการ ทั้งจากหลักฐานทางฟอซซิล และบทบรรยายว่า เบเฮโมท กินหญ้าเป็นอาหารเยี่ยงวัวอีกซึ่งขัดกับลักษณะฟันและธรรมชาติของซอร์รอพอด

                              

ที่มา  http://writer.dek-d.com/78777/story/view.php?id=1044281